ประวัติแม่ชีบุญเรือน โตงบุญเติม คือเรื่องราวอันน่าศรัทธาของสตรีสามัญชนผู้ถือกำเนิดในรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 5) และได้อุทิศทั้งชีวิตให้กับการปฏิบัติธรรมอย่างเข้มข้น จนกระทั่งได้รับการยอมรับนับถือในฐานะ “อุบาสิกาผู้ทรงอภิญญา” เรื่องราวของท่านไม่เพียงแต่เป็นตำนานที่เล่าขานในหมู่ผู้ศรัทธา แต่ยังเป็นแบบอย่างของการแสวงหาความหลุดพ้นผ่านการปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ แม้จะครองตนในเพศฆราวาสก็ตาม บทความนี้จะพาทุกท่านไปเจาะลึกเส้นทางชีวิตอันน่าเลื่อมใสของท่าน ณ วัดอาวุธวิกสิตาราม
ช่วงชีวิตปฐมวัยและการสมรส
คุณแม่บุญเรือน โตงบุญเติม เกิดเมื่อวันอาทิตย์ที่ 10 มีนาคม พ.ศ. 2437 ณ ตำบลบางเหนียว อำเภอเมือง จังหวัดภูเก็ต ท่านเป็นบุตรตรีของนายยิ้มและนางสวน โตนดแก้ว ครอบครัวของท่านมีอาชีพทำสวน ซึ่งหล่อหลอมให้ท่านเป็นผู้มีความขยันหมั่นเพียรและอดทนมาตั้งแต่เยาว์วัย
การย้ายสู่พระนครและการสมรสครั้งแรก
เมื่ออายุได้ประมาณ 11-12 ปี ท่านได้เดินทางเข้ามายังพระนคร (กรุงเทพมหานครในปัจจุบัน) และได้เข้าพิธีสมรสกับ ส.ต.ต. จำรัส โตงบุญเติม ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ แต่ชีวิตสมรสของท่านก็ไม่ได้ยืดยาวนัก เนื่องจากสามีของท่านด่วนจากไปก่อนเวลาอันควร
การสมรสครั้งที่สอง
หลังจากสามีคนแรกเสียชีวิต คุณแม่บุญเรือนได้สมรสอีกครั้งกับนายจ้อย โตงบุญเติม ซึ่งเป็นพี่ชายของสามีเก่า และได้ย้ายไปพำนักอยู่ที่บ้านของฝ่ายชายย่านสามเสน ท่านเป็นแม่บ้านแม่เรือนที่ดี ดูแลปรนนิบัติสามีอย่างไม่ขาดตกบกพร่อง อย่างไรก็ตาม ชีวิตคู่ของท่านก็จบลงอีกครั้งเมื่อนายจ้อยถึงแก่กรรม ท่านจึงตัดสินใจที่จะไม่สมรสอีก และมุ่งหน้าเข้าสู่เส้นทางแห่งธรรมอย่างเต็มตัว
การก้าวสู่เส้นทางธรรมอย่างเต็มภาคภูมิ
จุดเปลี่ยนครั้งสำคัญในชีวิตของคุณแม่บุญเรือนคือการตัดสินใจบวชชีที่วัดสัมพันธวงศาวาสวรวิหาร การตัดสินใจครั้งนี้เปรียบเสมือนการเปิดประตูสู่โลกแห่งการปฏิบัติธรรมที่ท่านค้นหามาโดยตลอด
การปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐาน
คุณแม่บุญเรือนมีความเพียรพยายามอย่างยิ่งยวดในการศึกษาและปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐาน ท่านได้ฝึกฝนกรรมฐานกับพระอาจารย์หลายรูป จนมีความเชี่ยวชาญและแตกฉานในแนวทางปฏิบัติ ท่านใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับการบำเพ็ญเพียรภาวนา เดินจงกรม และนั่งสมาธิอย่างสม่ำเสมอ
การย้ายมาพำนัก ณ วัดอาวุธวิกสิตาราม
หลังจากบวชชีได้ระยะหนึ่ง ท่านได้ย้ายมาพำนักและปฏิบัติธรรม ณ วัดอาวุธวิกสิตาราม (หรือที่เรียกกันสั้นๆ ว่า วัดอาวุธ) เขตบางพลัด กรุงเทพมหานคร ที่แห่งนี้เองที่ชื่อเสียงและบารมีของคุณแม่บุญเรือนได้เป็นที่ประจักษ์แก่สาธุชนในวงกว้าง ท่านได้ช่วยเหลือผู้คนที่ตกทุกข์ได้ยากด้วยเมตตาธรรมและบารมีที่ท่านได้สั่งสมมาจากการปฏิบัติธรรมอย่างเข้มข้น
อุบาสิกาผู้ทรงอภิญญาและบารมีอันเลื่องลือ
คุณแม่บุญเรือนเป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวางในฐานะผู้มี “อภิญญา” หรือความสามารถพิเศษที่เกิดจากการปฏิบัติสมาธิจนได้ฌานสมาบัติ เรื่องราวปาฏิหาริย์ที่เกี่ยวข้องกับท่านมีมากมาย โดยเฉพาะในเรื่องการอธิษฐานจิตช่วยเหลือผู้คน
การอธิษฐานจิตรักษาโรค
หนึ่งในกิตติศัพท์ที่เลื่องลือที่สุดคือความสามารถในการอธิษฐานจิตเพื่อบำบัดรักษาโรคภัยไข้เจ็บต่างๆ มีเรื่องเล่ามากมายจากลูกศิษย์และผู้ศรัทธาว่าท่านสามารถอธิษฐาน “ศิลาน้ำ” หรือน้ำมนต์เพื่อช่วยบรรเทาอาการเจ็บป่วยได้อย่างน่าอัศจรรย์ ทำให้ผู้คนจากทั่วทุกสารทิศเดินทางมาเพื่อขอพึ่งบารมีของท่าน
วัตถุมงคลอันศักดิ์สิทธิ์
นอกจากการช่วยเหลือโดยตรงแล้ว คุณแม่บุญเรือนยังได้สร้างวัตถุมงคลอันโด่งดังคือ “พระพุทโธน้อย” ในปี พ.ศ. 2494 และวัตถุมงคลอื่นๆ เช่น ถุงเขียวเหนี่ยวทรัพย์ เพื่อให้ลูกศิษย์และผู้ศรัทธาได้มีไว้เป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจและระลึกถึงคุณงามความดีของท่าน ซึ่งวัตถุมงคลเหล่านี้ล้วนมีประสบการณ์ด้านพุทธคุณเป็นที่ประจักษ์จนถึงปัจจุบัน
ช่วงสุดท้ายของชีวิต
คุณแม่บุญเรือน โตงบุญเติม ได้อุทิศทั้งชีวิตให้กับการปฏิบัติธรรมและสงเคราะห์ผู้คน ท่านถึงแก่กรรมอย่างสงบเมื่อวันที่ 7 กันยายน พ.ศ. 2507 สิริอายุได้ 70 ปี แม้ว่าท่านจะละสังขารไปนานแล้ว แต่คุณงามความดี บารมี และคำสอนอันเรียบง่ายของท่านยังคงอยู่ในใจของศิษยานุศิษย์เสมอมา รูปหล่อของท่านที่ประดิษฐาน ณ ศาลาคุณแม่บุญเรือน วัดอาวุธวิกสิตาราม ยังคงเป็นศูนย์รวมจิตใจของผู้ที่เคารพศรัทธาจากทั่วทุกมุมโลกจนถึงทุกวันนี้
เรื่องราวและ ประวัติแม่ชีบุญเรือน โตงบุญเติม เป็นเครื่องยืนยันว่า การบรรลุคุณธรรมอันสูงส่งนั้นไม่ได้จำกัดอยู่แค่ในเพศบรรพชิตเท่านั้น แต่ฆราวาสผู้มีความมุ่งมั่นและตั้งใจจริงก็สามารถเข้าถึงสภาวธรรมอันประเสริฐและสร้างบารมีอันยิ่งใหญ่เพื่อช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ได้เช่นกัน