✅#ประวัติปู่เที่ยงน่วมมานา
👀ฟังจากพ่อป่อง #ร่วมเผ่ยแผร่
📌#ประวัติอาจารย์เที่ยงน่วมมานา
ข้อมูลจาก #อาจารย์ป่อง น่วมมานา อาจารย์สมบูรณ์ น่วมมานา และคณะศิษยานุศิษย์พ่อเที่ยง น่วมมานา ท่านต่างๆ เช่นเฮียหงวน,เฮียสามชัย และศิษย์ยุคเก่าคุณพ่อเที่ยงอีกหลายท่านที่ไม่ได้ออกนาม
#รวบรวมเรียบเรียงเรื่องชีวประวัติปู่เที่ยง
📌ประวัติช่วงแรก
📌อาจารย์เที่ยง น่วมมานา เกิดในวันที่ 2 เมษายน 2455 เวลาประมาณเที่ยงวัน บิดาชื่อ คุณปู่โม่ มารดาชื่อคุณย่าแมว ท่านทั้ง 2 ตั้งบ้านเรือนอยู่ย่านชุมชนวัดราชบพิธ ส่วนคุณย่าแมวผู้เป็นมารดา บ้านเดิมอยู่ย่านบางอ้อยช้างมีอาชีพเป็นชาวสวน และได้มาทำอาชีพค้าขายที่ตลาดวัดทอง ตลาดโบราณริมคลองบางกอกน้อย จากนั้นได้มาตั่งบ้านเรือนอยู่ชุมชนบ้านบุบางกอกน้อย
✅อาจารย์เที่ยง น่วมมานา เกิดที่บ้านย่านชุมชนวัดราชบพิธ เขตพระนคร มาเติบโตแถวบ้านขมิ้น
(บ้านขมิ้นคือชุมชนเก่าแก่ใกล้โรงพยาบาลศิริราชในบัจจุบัน)
✅คุณพ่อเที่ยง ท่านมีนิสัยชอบศึกษาหาความรู้ ชีวิตวัยรุ่นบางช่วงท่านได้หายออกไปจากบ้านท่องเที่ยวเสาะแสวงหาร่ำเรียนวิชา เดินทางร่ำเรียนวิชาไปเรื่อยเคยหายไปนานมากสุดครั้งหนึ่งหลายปีจนคนคิดว่าเสียชีวิตไปแล้ว คุณพ่อเที่ยงได้ศึกษาวิชาอาคมจากครูบาอาจารย์มากมายทั้งพระและฆราวาส มีชื่อครูบาอาจารย์ที่จดบันทึกไว้ทั้งอาจารย์พระ และอาจารย์ฆราวาสมากมายเกือบร้อยรายชื่อ ในยุคสมัยนั้นมีอาจารย์ที่เก่งๆมีอยู่มากมายให้ฝากตัวเป็นศิษย์ขอศึกษาความรู้ คุณพ่อเที่ยง ก่อนที่ท่านจะฝากตัวเป็นลูกศิษย์ขอเรียนวิชาจากอาจารย์ท่านใด จะสังเกตดูพฤติกรรมของอาจารย์ท่านนั้นเสียก่อนว่า อาจารย์เก่งจริงไหม อาจารย์มีคุณธรรมหรือไม่ คุณพ่อเที่ยงได้เคยเล่าว่า ” ถ้าจะเรียนคงกระพัน ให้ดูว่า อาจารย์มีแผลไหม จะเรียนเจ้าชู้ให้ดูว่าอาจารย์มีเมียกี่คน ” ดูจนมั่นใจว่าอาจารย์เป็นผู้ที่มีคุณธรรมและมีวิชาดีแล้วจึงจะเข้าไปขอฝากตัวเป็นศิษย์
✅การฝากตัวเป็นศิษย์ในยุคนั้นไม่ง่าย อาจารย์แต่ละท่านทดสอบจิตใจและความอดทนของผู้ที่จะมาเป็นศิษย์ว่าตั้งใจจริงไหม เป็นคนดีมีศีลธรรมหรือไม่ มีสัจจะวาจาหรือไม่ คุณพ่อเที่ยงเล่าว่า กว่าจะได้ฝากตัวเป็นศิษย์ขอเรียนวิชามาแต่ละอย่าง ต้องปรนนิบัติรับใช้ครูบาอาจารย์ ตักน้ำ ถูบ้าน ช่วยงานบ้าน เวลากินข้าวก็ให้ไปหาข้าวกินเอง กราบครูก็ถูกไล่ให้ไปกราบพระ พอไม่กราบก็ด่าว่าไม่เคารพครูจะสู้ครู ถูกว่าถูกบ่น ถูกด่านานหลายวัน จนอาจารย์เห็นความจริงใจ ความตั้งใจ พอวันดีคืนดี อาจารย์จึงให้นำดอกไม้ธูปเทียนเข้ามากราบไหว้เพื่อรับตัวเป็นศิษย์ คุณพ่อเที่ยงเล่าว่าท่านเรียนวิชาแต่ละอาจารย์ใช้ค่ากำนลครูตั้งแต่ 1 เฟื้อง ไปจนถึงควายทุย 1 ตัวก็มี บางครั้งไม่มีค่ากำนลครูก็ต้องทำงานทำนาชดใช้แทน
✅ช่วงยุคที่2
ในวัยเด็กคุณพ่อเที่ยง ใช้ชีวิตผูกพันอยู่กับวัดตั้งแต่เด็กจึงได้รับการศึกษาเล่าเรียนหนังสือไทยและหนังสือขอมตามหลักการเรียนในสมัยนั้น จนแตกฉานอ่านออกเขียนได้เป็นอย่างดีเยี่ยม คุณพ่อเที่ยงมีความรู้ความสามารถด้านช่างไม้มาตั่งแต่เด็ก ฝีมือทางด้านเชิงช่างการเข้าไม้หรือการปลูกสร้างบ้านของคุณพ่อเที่ยงนั้นถือว่าเก่งมาก ปลูกบ้านสร้างบ้านได้ด้วยตัวเอง จะต่อเติมหรือโยกย้ายบางส่วนของบ้าน ก็มีเทคนิคทางเชิงช่างไม่ต้องรื้อให้เสียไม้เสียเวลา ถือว่าด้านเชิงช่างไม้นั้น ท่านมีเชี่ยวชาญหาตัวจับยาก และท่านยังความรู้ด้านความเชื่อในการสร้างบ้านแบบโบราณ การสร้างบ้านแบบโบราณนั้นต้องมีการลงยันต์ติดหัวเสา มีการลงแผ่นยันต์ติดไว้ที่จั่วบ้านทั้งหน้าและหลัง คุณพ่อเที่ยงก็สามารถทำได้ทั้วหมดสิ้น
แรงบันดาลใจที่ทำให้คุณพ่อเที่ยง สนใจจะศึกษาพระเวทวิทยาคมต่างๆตั้งแต่เป็นวัยรุ่นนั้น ด้วยเหตุว่า คุณพ่อเที่ยงมีญาติผู้ใหญ่ท่านหนึ่งชื่อว่าปู่ปิ๋ว เป็นญาติทางพ่อ บ้านเดิมอยู่วัดใหม่ยายแป้น และย้ายไปอยู่ย่านวัดประดู่บางพรหม ปู่ปิ๋วท่านนี้มีวิชาอาคมมาก เคยเป็นสัปเหร่อหลวงในวังเทเวศร์ มีความรู้ด้านเลขยันต์ในตำราพิชัยสงคราม เล่าเรียนการทำตะกรุดมหารูดพิชัยสงคราม ท่านได้ตามเรียนวิชาทำตะกรุดมหารูดถึงสามอาจารย์จนครบทั้ง ทอง เงิน นาค ท่านสืบวิชามาจากวังเทเวศร์ คุณปู่ปิ๋วนอกจากมีวิชาที่กล่าวข้างต้นมาแล้ว ท่านยังมีวิชาเรียกภูตผีปีศาจ ทำน้ำมันพราย เครื่องใช้ภายในบ้านส่วนมากจะเป็นของคนตาย เช่น เสื้อผ้าที่ท่านสวมใส่ก็ของผู้ที่เสียชีวิต เตียงนอนหรือเก้าอี้ก็ต่อจากไม้ฝาโลง ปู่ปิ๋วท่านนี้เป็นผู้ทำให้คุณพ่อเที่ยง สนใจเรื่องของไสยศาสตร์วิชาอาคมตั้งแต่ยังเล็ก คุณพ่อเที่ยงเล่าว่า เมื่อตอนเด็กปู่ปิ๋วเอาผ้าขาวม้าผูกฉันติดกับตัวท่าน แล้วพาไปทำน้ำมันพรายให้ดู ปู่ปิ่วท่านเรียกผีออกจากหลุม ผีนั้นออกจากหลุมก็กลายร่ายสูงใหญ่เท่ายอดตาล ปู่ปิ๋วภาวนาคาถาสะกดจนตัวผีค่อยๆเล็กลงเท่าเดิม แล้วจึงเอาน้ำมันพรายได้จอกนึง เมื่อเสร็จพิธี ผีก็ลงหลุมตามเดิม ปู่ปิ๋วให้ฉันลองยกถ้วยใส่น้ำมันพรายดู น้ำมันพรายซึ่งมีแค่จอกเดียว แต่กลับมีน้ำหนักมากยกแทบไม่ขึ้น จากนั้นปู่ปิ๋วก็สาดน้ำมันพรายนั้นทิ้งไป ปู่ปิ๋วต้องการทำให้พ่อเที่ยงดูว่าไสยศาสตร์ต่างๆนั้นมีจริง เมื่อวัยเด็กคุณพ่อเที่ยงขอคุณปู่ปิ๋วเรียนวิชา แต่ครั้งนั้นปู่ปิ๋วว่ายังไม่ถึงเวลา
เมื่อคุณพ่อเที่ยงโตขึ้นมาในวัยเหมาะสมแล้ว คุณพ่อเที่ยงจึงได้กราบขอเป็นศิษย์ขอเรียนวิชาต่างๆจากปู่ปิ๋ว ผู้มีศักดิ์เป็นปู่จนหมดสิ้น มีเรื่องเล่าว่าเมื่อภายหลังเมื่อปู่ปิ๋วท่านเสียชีวิต ศพของท่านเก็บไว้ถึง 7 ปี เมื่อนำร่างท่านไปเผา ศพของท่านเกิดปฏิการเผาไม่ไหม้ ราดด้วยน้ำมันก๊าด แล้วจุดไฟกี่ครั้งก็ไม่ติด ด้วยคุณวิชาภายในตัวของปู่ปิ๋วนั้นเอง จนคุณพ่อเที่ยงต้องนำหญ้าแพรกกับไม้แสมทำพิธีบอกกล่าว แล้วจึงเผาร่างท่านได้เป็นปกติ ครูปิ๋วท่านนี้คือผู้ที่ทำให้ท่านพอเที่ยงเกิดความศัทธา และมีความตั้งใจตั้งแต่เป็นเด็กว่าอยากศึกษาวิชาอาคม คุณปู่ปิ้วเป็นเจ้าของวิชาทำตะกรุดมหารูดพิชัยสงครามอันโด่งดังมาจนปัจจุบัน
‼️ย้อนไปในชีวิตวัยรุ่นในพระนครสมัยนั้นต้องมีวิชาศิลปะป้องกันตัว เมื่อยามว่างจากการทำงานช่วยบิดามารดา ในช่วงอายุประมาณ13-16ปี ช่วงประมาณปี พ.ศ. 2468เป็นต้นมา คุณพ่อเที่ยงเรียนศิลปะการต่อสู้ป้องกันตัวตามความนิยมของลูกผู้ชายในยุคนั้น คุณพ่อเที่ยงตั่งใจเสาะแสวงหาอาจารย์ที่จะสอนศิลปะการปัองกันตัว ด้วยเหตุนี้เองท่านจึงได้พบครูอยู่ ครูอยู่ผู้นี้เป็นผู้เชี่ยวชาญศิลปการป้องกันตัว เนื่องด้วยอดีตท่านเคยเป็นทหารมหาดเล็กของพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ ครูอยู่เป็นองครักษ์คนสนิทติดตามกรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ เมื่อสิ้นกรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์แล้ว ครูอยู่ท่านก็ออกจากราชการใช้ชีวิตปกติอาศัยอยู่บนเรือ มีเรื่องเล่าว่าครูอยู่ท่านเป็นคนร้อนวิชาจึงอาศัยอยู่บนเรือ ครูอยู่จะท่านจะชอบซ่อนปืนเอาไว้ในโสร่ง ครูอยู่ท่านมีคาถาคงกระพันชาตรีอยู่บทนึง คือคาถาขนมเปี๊ยะ คาถานี้ศักดิ์สิทธิ์ยิ่งนัก ครูอยู่ท่านมักชอบลองวิชาลูกศิษย์เสมอ ท่านขอบดื่มน้ำชากันขนมเปี๊ยะ เรื่องลองของลูกศิษย์นั้นมีเรื่องเล่ากันมาว่า ครูอยู่ท่านจะชอบเสกขนมเปี๊ยะให้ลูกศิษย์ที่มาหาท่านกิน พอลูกศิษย์ได้กินแล้วนั้น ท่านก็จะแกล้งทำเหรียญสตางค์ตกบ้าง พอลูกศิษย์เผลอก้มลงเก็บเหรียญสตางค์ให้ท่านครูอยู่ท่านก็จะเอาปืนที่ซ่อนอยู่ในโสร่งออกมายิ่งลูกศิษย์จนคว่ำขม่ำด้วงแรงของปืน แต่หนังศิษย์ของท่านนั้นลูกปืนหาได้ทำอันตรายได้ไม่ ด้วยอิทธิฤทธิ์ของอาคมที่ท่านเสกลงในขนมเปี๊ยะให้ลูกศิษย์กิน เมื่อลูกศิษย์ลุกยืนขึ้นมาได้ก็ตกใจที่ถูกยิง แต่เมื่อดูที่ตามเนื้อตามตัว มีแต่รอยจ้ำๆจากความแรงของลูกปืน เมื่อครูอยู่ท่านเห็นดังนั้นท่านก็จะหัวเราะชอบใจ และบอกว่าหนังมึงใช้ได้ หนังมึงดีกว่าหมาหน่อย แล้วท่านก็จะหัวเราะชอบใจ บางครั้งท่านก็วานให้ลูกศิษย์ช่วยเดินหยิบของให้บ้าง เมื่อได้ระยะก็ซัดด้วยหอกพุ่งไปโดนศิษย์ท่านจนหัวขม่ำแต่ศาสตราวุธต่างๆก็หาทำอะไรหนังของศิษย์ท่านได้ ด้วยครูอยู่ท่านชอบลองของกับลูกศิษย์ที่มาหาท่านดั่งนี้แล้ว จึงเป็นที่ครั่นคร้ามของผู้ที่จะมาขอฝากตัวเป็นศิษย์ยิ่งนัก แรกเริ่มพ่อคุณพ่อเที่ยงไปขอฝากตัวเป็นลูกศิษย์ครูอยู่นั้น ครูอยู่ท่านไม่ได้รับเป็นศิษย์ ท่านดูความตั่งใจของคุณพ่อเที่ยงอยู่นาน คุณพ่อเที่ยงได้ใช้ความพยายาม คอยปฏิบัติรับใช้ครูอยู่ จนครูอยู่เมตตารับไว้เป็นศิษย์ ครูอยู่ได้ครอบมอบวิชาคาถาคงกระพันชาตีให้คุณพ่อเที่ยง (คาถานี้มีอานุภาพศักดิ์สิทธิ์ทางคงกระพันชาตรียิ่งนัก ถึงขนาดลองกันได้ เป็นที่ประจักษ์ในวิทยาคุณด้านคงกระพันชาตรีด้วยอำนาจอิทธิฤทธิ์ของครูบาอาจารย์เจ้าของวิชา เมื่อจะทำพิธีประสิทธิ์ประสาทให้ผู้ใดคุณพ่อเที่ยงท่านจะให้นำขนมเปี๊ยะมาเป็นเครื่องครูด้วยระลึกถึงครูอยู่ผู้เป็นเจ้าของวิชา และนำขนมเปี๊ยะไปใส่บาตรอุทิศกุศลให้กับท่านผู้เป็นอาจารย์ ครูอยู่ท่านรักและเมตตาคุณพ่อเที่ยงมาก ท่านได้ถ่ายทอดวิชาแม่ไม้มวยไทย และวิชากระบี่กระบองให้คุณพ่อเที่ยงจนหมดสิ้น คุณพ่อเที่ยงตั่งใจเรียนฝึกฝน วิชากระบี่กระบอง และวิชาแม่ไม้มวยไทยจนท่านเชี่ยวชาญการใช้กระบี่กระบองและแม่ไม้มวยไทยเป็นอย่างมาก ในชีวิตคุณพ่อเที่ยงท่านเคยขึ้นชกต่อยมวยไทยทั้งสิ้น 3 ครั้ง ท่านได้ขึ้นชกกับนักมวยรุ่นพี่ที่มีชื่อเสียง ขึ้นชกครั้งแรกท่านแพ้น็อค ด้วยความตั่งใจท่านกลับมาฝึกฝนอีก แล้วขึ้นชกอีกครั้งผลออกมาว่าเสมอกัน ท่านไม่ย่อท้อตั่งใจฝึกฝนแล้วกลับไปชกอีกครั้ง ครั้งนี้คุณพ่อเที่ยงท่านชกชนะน๊อคครูต่อสู่รุ่นพี่คนเดิมราบคาบ และพ่อเที่ยงก็ตั้งใจที่จะไม่ขึ้นชกมวยอีกเลย
✅ช่วงตอนยุคที่3
ในสมัยนั้นทั้งเขตพระนคร และเขตธนบุรีนั้น มีคณาจารย์ทั้งพระ และอาจารย์ฆราวาสผู้เรืองพระเวทวิทยาคมอยู่มากมาย ด้วยความชื่นชอบ และเคารพศัทธาต้องการวิชาไว้คุ้มตัว คุณพ่อเที่ยงได้เดินทางไปกราบขอฝากตัวเป็นศิษย์คณาจารย์ทั้งพระและอาจารย์ฆราวาสผู้ทรงพระเวทวิทยาคมในยุคนั้นหลายท่าน สมัยนั้นพระเกจิอาจารย์ต่างๆจะรับใครเป็นศิษย์ซักคนนั้นยากเหลือเกิน ต้องผ่านการทดสอบความตั้งใจ ใช้เวลา ใช้แรงกายแรงใจ และสติปัญญา จนผ่านการทดสอบ ครูบาอาจารย์ท่านถึงจะรับเป็นลูกศิษย์ แต่ด้วยความตั้งใจจริงของคุณพ่อเที่ยงที่ต้องการขอฝากตัวเป็นศิษย์เรียนวิชาจากครูบาอาจารย์ต่างๆ คุณพ่อเที่ยงได้อดทนไม่ย่อท้อ จนผู้เป็นอาจารย์ยอมรับเป็นลูกศิษย์ คุณพ่อเที่ยงได้ปฏิบัติดูแลครูบาอาจารย์อย่างดีเสมอต้นเสมอปลาย จนเป็นที่ไว้ใจของครูบาอาจารย์ จนครูบาอาจารย์ท่านเมตตา สั่งสอนพระเวทมนตร์คาถาต่างๆให้คุณพ่อเที่ยงจนหมดสิ้น คุณพ่อเที่ยงท่านมีทั้งพรแสวง และมีทั้งพรสวรรค์ ท่านมีความรู้เรื่องหนังสือขอมมาตั่งแต่ในวัยเด็ก เมื่อเรียนคาถาเลขยันต์ใดๆก็เรียนและเข้าใจได้อย่างรวดเร็ว และอ่านเขียนอักขระได้อย่างคล่องแคล่วเขียนอักขระเลขยันต์ได้สวยงามยิ่งนัก เมื่อครูบาอาจารย์สั่งสอนพระเวทมนต์ และวิทยาคมใดๆ คุณพ่อเที่ยงก็สามารถเรียนจำทำเป็นได้จนหมดสิ้น จึงเป็นที่รักที่พึ่งพอใจของครูบาอาจารย์เป็นอย่างมาก
✅เมื่อตอนคุณพ่อเที่ยงมีอายุได้ 17 ปี (ข้อมูลจากเฮียหงวนถามพ่อเที่ยงเรื่องปู่ชิด) คุณพ่อเที่ยงได้พบกับคุณปู่ชิด คุณปู่ชิดเป็นศิษย์พระสังวรานุวงศ์เถร (ชุ่ม) วัดราชสิทธาราม (วัดพลับ) อีกทั้งคุณปู่ชิดยังได้เรียนวิชากับครูบาอาจารย์ยุคเก่า ท่านมีทั้งความรู้ทั้งทางโลกและทางธรรม สามารถเขียนได้ทั้งหนังสือไทย หนังสือขอมและภาษาอังกฤษ ครั้งหนึ่งท่านเคยเขียนชื่อยาเป็นภาษาอังกฤษให้คนไปจ่ายที่ร้านขายยาได้อีกด้วย คุณปู่ชิดเป็นสหธรรมมิกกับ พระสมุห์ชุ่ม วัดอัมรินทราราม คุณปู่ชิดท่านสำเร็จอภิญญา ได้เจโตปริยญาณ สามารถรู้เหตุการล่วงหน้าได้ ล่วงรู้ใจคนได้ ท่านเกิดในตะกูลผู้มีทรัพย์สินมาก แต่ท่านละทิ้งทั้งหมด ท่านได้มาอาศัยอย่างสมถะอยู่ที่วัดสุวรรณาราม คุณพ่อเที่ยงค่อยดูแลท่านคอยส่งข้าวส่งน้ำ ภายหลังเมื่อท่านชราเจ็บป่วย คุณพ่อเที่ยงได้นำท่านมาอยู่ที่บ้าน และดูแลคุณปู่ชิดจนท่านถึงแก่มรณกรรม เชื่อกันว่าคุณปู่ชิดสำเร็จธรรมชั้นสูง เมื่อยามคุณปู่ชิดมีชีวิตอยู่นั้น ท่านมีอภินิหารมากมายเป็นที่เล่าขานมาจนปัจจุบัน เช่นเรื่อง เดินตากฝนไม่เปียก เอามือเปล่าฟันแผ่นรั้วสังกะสีฉีกแต่มือของท่านไม่ได้รับอันตรายใดๆ ย่นระยะทาง คนเดินตามไม่ทัน ล่วงรู้ใ